Nike ACG เปิดตัว All Conditions Racing Department ทีมที่จะจุดไฟขับเคลื่อนอนาคตแห่งนวัตกรรมการวิ่งเทรล
- 21/8/2568

สิ่งที่ต้องรู้
- Nike ACG เปิดตัวทีม All Conditions Racing Department แหล่งรวมทัพนักกีฬาชั้นนำผู้ทุ่มสุดตัวเพื่อภารกิจไล่ล่าความเร็วทะลุพิกัดและอยากจะวิ่งพิชิตทุกสิ่งที่ขวางหน้า
- All Conditions Racing Department ต่อยอดจากผลงานในอดีตของ Nike ACG ที่ออกไปลุยโลกกว้างกับนักกีฬาเอาท์ดอร์และช่วยผลักดันความฝันของพวกเขาไม่ว่าจะทะเยอทะยานสักแค่ไหน
- นักกีฬา All Conditions Racing Department ผนึกกำลังกับ Nike ACG เพื่อสร้างอนาคตแห่งสินค้าเสริมประสิทธิภาพการวิ่งเทรล โดยใช้นวัตกรรมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากบนภูเขา หลั่งไหลผ่าน Nike Sport Research Lab กลับลงมาสู่ผืนดิน กลายเป็นไอเท็มที่เหนือชั้นและเป็นตัวกำหนดมาตรฐานในวงการ
Nike ACG ใช้เวลาหลายทศวรรษไปกับการตอบรับเสียงเรียกจากโลกกว้าง ไม่ว่าจะต้องเจอพื้นผิวแบบไหน ฝ่าฤดูกาลอะไร หรือเผชิญกับสภาวะใดก็ตาม
ด้วยเจตนารมณ์ดังเช่นที่ว่า คราวนี้ Nike ACG เปิดตัวทีม All Conditions Racing Department แหล่งรวมทัพนักกีฬาชั้นนำผู้ทุ่มสุดตัวเพื่อภารกิจไล่ล่าความเร็วทะลุพิกัดและอยากจะวิ่งพิชิตทุกสิ่งที่ขวางหน้า
All Conditions Racing Department คือแหล่งรวมพลคนสายลุยที่ Nike ACG ดึงตัวมาร่วมกันสร้างคอมมูนิตี้จากความทรหด และเพื่อรังสรรค์สินค้าเสริมประสิทธิภาพที่แสดงออกได้ถึงตัวตน พูดง่ายๆ ก็คือวิวัฒนาการขั้นถัดไปของ Nike ACG จะเริ่มต้นจากทีมนี้นั่นเอง
บรรดานักวิ่งเทรลชั้นน้ำที่ปรากฏชื่อในรายนามสมาชิกทีม All Conditions Racing Department ต่างร่วมกันสร้างอนาคตแห่งสินค้าเสริมประสิทธิภาพการวิ่งเทรล ทั้งช่วยทดสอบไอเท็มต้นแบบ ให้ข้อเสนอแนะ และท้าทายขีดจำกัด โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมภารกิจของ Nike ACG ในการรังสรรค์อุปกรณ์ที่ดีขึ้น แกร่งขึ้น เร็วขึ้น และพร้อมลุยยิ่งขึ้นให้กับนักกีฬาเอาท์ดอร์
อุปกรณ์ดังที่ว่าเกิดขึ้นได้ก็เพราะนวัตกรรมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากบนภูเขา หลั่งไหลผ่าน Nike Sport Research Lab กลับลงมาสู่ผืนดิน กลายเป็นไอเท็มที่เหนือชั้นและเป็นตัวกำหนดมาตรฐานในวงการ
"Nike ACG เชื่อว่าเรามีชีวิตเพื่อการปลดปล่อยตัวเองในโลกกว้าง" Scott LeClair, VP/GM ของ Nike ACG กล่าว "การสับฝีเท้าล่าฝันสู่ความเป็นอิสระคือแรงผลักดันทุกสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการพิชิตสถิติ FKT หรือวิ่ง 100 ไมล์ ไปจนถึงการไต่เขาหรือข้ามแม่น้ำ มันทั้งสกปรก ทั้งลำบาก ทั้งโหดหิน แต่นั่นก็คือเป้าหมายที่ Nike ACG และนักกีฬาในทีม All Conditions Racing Department ของเราวิ่งไล่ไขว่คว้า"
ตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อตั้ง Nike กับ Hayward Field ไปจนถึงการสนับสนุนนักบุกเบิกเส้นทางภูเขาไต่พิชิต K2 ทางแบรนด์ได้พิสูจน์ให้เห็นมานานกว่าห้าทศวรรษถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อการทลายขีดจำกัดของมนุษย์ เพื่อเผยให้เห็นความเป็นไปได้อันเหนือคาดทั้งสำหรับนักกีฬาทั่วไปและนักกีฬาชั้นนำ Nike ACG เกิดขึ้นมาภายใต้ภาพลักษณ์เช่นนั้นเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน โดยเป็นการใช้จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของ Nike เพื่อส่งเสริมนักกีฬาที่ไปท้าทายตัวเองในสภาพแวดล้อมสุดหฤโหดบนโลกใบนี้
All Conditions Racing Department พัฒนาผลงานในอดีตของ Nike ACG ที่ออกไปลุยโลกกว้างกับนักกีฬาเอาท์ดอร์ Nike และช่วยผลักดันความฝันของพวกเขาไม่ว่าจะทะเยอทะยานสักแค่ไหน แนวทางเช่นนี้สอดรับกับสิ่งที่นักกีฬาเอาท์ดอร์ทราบกันมาเนิ่นนาน นั่นคือ การวิ่งเทรลวัดความอึดเป็นกิจกรรมที่มีกลุ่มนักนวัตกรรมและนักทลายขีดจำกัดผู้มีใจรักคอยผลักดันและพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น Transgrancanaria ไปจนถึง Western States Endurance Run, Chongli 168 Ultra Trail และ Ultra Trail du Mont Blanc
"การที่ Nike ACG ออกมาสนับสนุนผมกับเพื่อนร่วมทีมในงานแข่งอย่าง Western States แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ใส่ใจและอยากทุ่มทุนให้กับวงการวิ่งเทรล" Caleb Olson นักกีฬา All Conditions Racing Department และผู้คว้าชัยชนะจากงาน Western States Endurance Run ปี 2025 กล่าว "ไม่ว่าจะตอนทดสอบสินค้าต้นแบบ ให้ความเห็น หรือวางแผนลุยงานใหญ่ครั้งต่อไป แรงสนับสนุนจาก Nike ACG ช่วยให้ผมท้าขีดจำกัดของตัวเองได้ และเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับการวิ่งเทรล"
Olson คือหนึ่งในนักกีฬาชั้นนำ 22 คนจาก 8 ประเทศและ 5 รัฐของสหรัฐฯ ที่ปรากฏชื่อในรายนามสมาชิกทีม All Conditions Racing Department
- Christian Allen (สหรัฐฯ, ยูทาห์)
- Shea Aquilano (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Addie Bracy (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Riley Brady (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Nienke Brinkman (สวิตเซอร์แลนด์)
- Erin Clark (สหรัฐฯ, มอนแทนา)
- Baptiste Coatantiec (ฝรั่งเศส)
- Anthony Costales (สหรัฐฯ, ยูทาห์)
- Rachel Drake (สหรัฐฯ, ยูทาห์)
- Ross Gollan (สหราชอาณาจักร)
- Tyler Green (สหรัฐฯ, ยูทาห์)
- Lauren Gregory (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Guangxiong Han (จีน)
- Drew Holmen (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Bailey Kowalczyk (สหรัฐฯ, โคโลราโด)
- Gabriela Lasalle (สเปน)
- Cesare Maestri (อิตาลี)
- Liam Meirow (สหรัฐฯ, โอเรกอน)
- Daniela Oemus (เยอรมนี)
- Caleb Olson (สหรัฐฯ, ยูทาห์)
- Ti Ren (จีน)
- Sophia Rodriguez (สหรัฐฯ, วอชิงตัน)
นักกีฬา All Conditions Racing Department เป็นกลุ่มคนที่พบเจอได้ในโลกกว้าง พวกเขาออกไปสนับสนุนคอมมูนิตี้ ทดสอบสินค้าต้นแบบ ท้าทายขีดจำกัดทั้งของความทรหดและของอุปกรณ์
ข้างบนนี้รวมถึงการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเวอร์ชันต้นแบบของ Nike ACG Ultrafly รองเท้าระดับซูเปอร์ชูส์สำหรับวิ่งเทรลที่ผ่านการทดสอบกว่า 13 รอบในขั้นตอนการพัฒนา ใช้ใส่ลุยเป็นระยะทางกว่า 30,000 ไมล์ ตลอดจนฝ่ารายการแข่งวิ่งเทรลที่โหดและยิ่งใหญ่ที่สุดมาแล้วหลายรายการ
นอกจากนี้ นักกีฬา All Conditions Racing Department ยังได้ช่วยกำหนดทิศทางการพัฒนา Nike Radical AirFlow ที่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ของเทคโนโลยีวัสดุที่ดีไซน์มาเพื่อต้านทานอุณหภูมิและดัชนีความร้อนที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักกีฬาอาจต้องเผชิญในวันแข่ง ตลอดช่วงซัมเมอร์ Olson และนักกีฬา Nike ACG อีกหลายรายต่างก็ได้ไว้วางใจ ทดสอบ และพิสูจน์ว่านวัตกรรมใหม่มีความสามารถในการดึงพลังของอากาศมาใช้เพื่อให้กลไกการทำความเย็นตามธรรมชาติของร่างกายทำงานได้เต็มที่
ทั้งรองเท้าและวัสดุต้นแบบที่ว่านี้สื่อถึงความมุ่งมั่นของ Nike ACG ในการดีไซน์รองเท้าและเครื่องแต่งกายร่วมกับนักกีฬา All Conditions Racing Department ซึ่งก็สอดรับกับโมเดลการทำงานของ Nike ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในด้านการร่วมมือกับนักกีฬา รวมทั้งความมุ่งมั่นของ Nike ACG ต่อการรังสรรค์สินค้าที่เสริมประสิทธิภาพได้ถึงขีดสุดในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายมากที่สุด
การทดสอบขีดจำกัดของสินค้าและสมรรถนะของนักกีฬาในสภาพแวดล้อมที่โหดหินที่สุดในโลกเป็นสิ่งที่ Nike ทำมาตั้งแต่อดีตและหยั่งรากลึกอยู่ใน DNA ของแบรนด์ ประสบการณ์รับใช้ชาติในกองพล 10th Mountain Division อันเลื่องชื่อของ Bill Bowerman ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์มีอิทธิพลต่อปรัชญาการดีไซน์รองเท้าของเขา และเป็นรากฐานของนวัตกรรมจาก Nike ACG ที่มุ่งส่งเสริมนักกีฬาเอาท์ดอร์
นวัตกรรมที่ว่านี้ย้อนประวัติกลับไปได้ถึงปี 1978 ตอนที่ Nike สปอนเซอร์คณะปีนเขาคณะแรกสุดจากสหรัฐอเมริกาสู่ภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลกอย่าง K2 โดยได้มอบ LDV รองเท้าวิ่งใหม่ล่าสุดของแบรนด์ให้สมาชิกทุกคนในทีมสวมใส่เพื่อเดินลุยระยะทาง 110 ไมล์ไปจนถึงค่ายพักแรม