Nike นำคู่สีสะดุดตามาใช้อีกครั้งในไลน์อัพรองเท้าเสริมประสิทธิภาพผ่านการเปิดตัว Electric Pack คู่สีใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งกีฬาที่ทำให้ทั้งโลกต้องหยุดมอง
คู่สี Electric Pack ปรากฏบนรองเท้า 55 สไตล์ไม่ซ้ำกัน โดยหยิบเอาลวดลาย Ostrich ที่ถูกยกย่องในพาเลทของ Nike มาใช้ร่วมด้วย นี่คือลายพิมพ์หนังสัตว์ที่เริ่มใช้บน Air Safari ในปี 1987 โดย Tinker Hatfield ดีไซเนอร์ Nike และสีเน้นประสิทธิภาพ Total Orange ที่จะปรากฏตัวรอบโลก
Caroline Abero ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรองเท้าและเครื่องแต่งกายผู้หญิงที่ Nike นำทีมออกแบบคู่สีสำหรับ Electric Pack สำหรับทีมของเธอแล้ว การผสานคู่สีกับลายพิมพ์นั้นต้องเป็นเอกลักษณ์ฉบับ Nike และสื่อถึงท่าทีของผู้คว้าชัย ได้แก่ความใจกล้า ไม่เกรงกลัว และไม่ก้มหัวให้ใคร
"เราอยากหยิบสิ่งที่ไม่มีใครนึกถึงในบริบทของการเสริมประสิทธิภาพอย่างลวดลาย Safari มาใช้ แล้วสร้างไอเท็มที่เป็นเหมือนการส่งสัญญาณว่าโลกกีฬายุคใหม่มาถึงแล้ว" Abero กล่าว "เรานำกีฬาและวัฒนธรรมเข้ามาอยู่รวมกันบนสนามกีฬา และสร้างลุคใหม่ให้กีฬาสำหรับคนรุ่นต่อไป"
เรื่องราวความเป็นมาของลายพิมพ์ Ostrich เป็นที่รู้จักกันดี ย้อนไปช่วง 1980 ขณะที่ Hatfield วิ่งชิลๆ สบายๆ ในย่าน SoHo ของนครนิวยอร์ก เขาได้ผ่านไปเห็นโซฟาที่ปกคลุมอยู่ด้วยลายนกกระจอกเทศหรูหราในร้านบูติกเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เท็กซ์เจอร์ของลวดลายดูงดงามสมจริง ผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำ มีร่อง และดูเป็นธรรมชาติ มันเป็นสิ่งของที่ถูกยกระดับด้วยวัสดุที่คลุมทับอยู่ Hatfield กลับมาที่ Nike และอยากใส่ลวดลายนั้นให้กับรองเท้าเสริมประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมากในยุคที่โลกทั้งสองไม่มีทางจะมาบรรจบกัน เอารองเท้ากีฬามาทำให้มัน... ไม่เหมือนไว้เล่นกีฬาน่ะเหรอ
นับเป็นการปฏิวัติวงการในยุคนั้นเลย จนถึงจุดนั้น Nike ยังถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นเสริมประสิทธิภาพการใช้งานเป็นหลัก ความท้าทายคือการหยิบองค์ประกอบแนวไลฟ์สไตล์มาผสานรวมกับสินค้าเสริมประสิทธิภาพระดับสูง แล้วสอดแทรกเรื่องราวผ่านสีสันหรือเท็กซ์เจอร์ที่เฉิดฉายออกมาจากช่วงเวลาหรือสถานที่หนึ่ง และเราได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่น เช่นเดียวกับภาพที่ Nike วางเอาไว้ว่า Electric Pack จะโดดเด่นออกมาในฤดูร้อนนี้
Electric Park จะเปิดตัวบนสินค้ารุ่นเสริมประสิทธิภาพที่ร่วมรายการในวันที่ 27 กรกฎาคมทาง nike.com