เนื่องในโอกาสฉลอง แคมเปญ Pride ครบรอบ 10 ปี Converse จะยังมอบความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานให้แก่ชุมชน LGBTQIA+ ต่อไปผ่านการร่วมงานกับองค์กรภาคสังคมและองค์กรเพื่อชุมชนต่างๆ ที่ยังทำงานอย่างเข้มแข็ง เช่นเดียวกับการเปิดตัวคอลเลกชันประจำปีของแบรนด์อย่างคอลเลกชัน Proud to Be
นับตั้งแต่เปิดตัวแคมเปญและคอลเลกชันในเทศกาล Pride ครั้งแรกปี 2015 Converse ได้อุทิศตัวและมอบเงินบริจาคแก่องค์กรต่างๆ ที่สนับสนุนชุมชน LGBTQIA+ เป็นจำนวนเกือบ 3 ล้านดอลล่าร์ เช่น It Gets Better Project พาร์ทเนอร์องค์กรระดับโลกที่มาร่วมงานกันในระยะยาว ผู้มีศักยภาพที่จะสร้างชุมชนในโลกอินเทอร์เน็ตและบอกแก่เหล่าเยาวชนว่าอะไรๆ จะดีกว่านี้แน่นอน
และปีนี้ Converse ยังสะท้อนความมุ่งมั่นในระดับพื้นที่ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั่วโลกที่อุทิศตัวเพื่อสนับสนุนชุมชน ได้แก่
- Ali Forney Center องค์กรจากนิวยอร์กซิตี้ที่ต้องการปกป้องเยาวชนไร้บ้านกลุ่ม LGBTQIA+ และสนับสนุนเยาวชนเหล่านี้ด้วยเครื่องมือที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต
- Boston Alliance of Gay, Lesbian, Bisexual and Transgender Youth (BAGLY) องค์กรไม่แสวงผลกำไร ผู้ต้องการสร้างและสนับสนุนโปรแกรมที่มีไว้เพื่อชุมชนกลุ่มเยาวชน LGBTQIA+
- Theater Offensive บริษัทโรงละครแบบไม่แสวงผลกำไรที่บอสตัน ซึ่งผลิตงานศิลปะโดย ผลิตเพื่อ และผลิตเกี่ยวกับกลุ่มคนผิวสีชาวเควียร์และทรานส์เจนเดอร์
- COC Netherlands ที่ให้การศึกษาและสนับสนุนชุมชน LGBTQIA+ ทั่วโลก
- Homotopia และ IGLYO ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษและประเทศเบลเยียมตามลำดับ ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการบอกเล่าเรื่องราว (Storytelling) เพื่อให้เสียงของเยาวชนกลุ่ม LGBTQIA+ เป็นที่ได้ยินมากขึ้น
- Minus18 องค์กรขับเคลื่อนโดยเยาวชนแบบไม่แสวงผลกำไรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ผู้อุทิศตัวสนับสนุนเยาวชนกลุ่ม LGBTQIA+ โดยต้องการสื่อสารให้เยาวชนกลุ่มเควียร์ทราบว่ามีคนสนับสนุนและมองเห็นพวกตน และต้องการสื่อสารกับชุมชนในวงกว้างขึ้นถึงความสำคัญของการสนับสนุนกลุ่มคนชายขอบ (Allyship)
การออกแบบคอลเลกชัน Pround to Be ของปีนี้ พนักงานและพันธมิตรกลุ่ม LGBTQIA+ ของ Converse ได้นำคอนเซปต์มารวมกับสเปกตรัมสีสดใสสไตล์ตะวันตกที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณนักบุกเบิกของชุมชนชาวเควียร์ ซึ่งสนับสนุนให้ทุกๆ คนยืนหยัดและใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัว
Converse มอบหมายให้ Cully Wright ช่างภาพที่ถ่ายทอดความหมายของการสร้างพื้นที่ว่าง (Space) ลงในผลงาน มาบันทึกบรรยากาศของแคมเปญ Proud to Be 2024 นี้ Wright ผู้บอกว่าตัวเองมีความโรแมนติก โฟกัสที่การนำเสนอประสบการณ์หลายๆ ด้านของชาวเควียร์เพื่อให้คนรู้จักชุมชนนี้มากขึ้น และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ของมนุษย์และความสุข สำหรับ Converse การทำงานของ Wright โฟกัสที่การจับภาพความอ่อนโยนและสงบของความรักอันบริสุทธิ์ เพื่อบอกถึงพลังที่กล้ายืนหยัดต่อสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆ
"เมื่อเราสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อบอกว่าจริงๆ แล้วเราคือใคร มันเท่ากับเราบอกว่าคนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน นั่นแหละคือเป้าหมาย" Wright กล่าว "ยิ่งเราเติบโตขึ้น เราก็ยิ่งอยากสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความรู้สึกของผู้คน เราอยากบอกเรื่องราวออกไปและให้พื้นที่แก่ทุกคนเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก เราเชื่อว่ายิ่งถ่ายทอดความหลากหลายลงในงานศิลปะ งานสื่อ และงานบันเทิงมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับการยอมรับก็จะยิ่งมากขึ้น"
บทบาทของ Wright ในแคมเปญนี้สะท้อนความตั้งใจของ Converse ที่อยากสรรเสริญชุมชนในแนวทางที่มีความหมาย อย่างการแนะนำครีเอเตอร์ที่ทลายขีดจำกัดในสาขาอาชีพของแต่ละคน แล้วสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างกล้าหาญและไม่รู้สึกผิด ซึ่งสำหรับแคมเปญ Pride ที่ผ่านๆ มา ทางแบรนด์ได้ทำงานร่วมกับครีเอเตอร์จากทั้งแวดวงดนตรี แฟชั่น และกีฬา ไม่ว่าจะเป็น Big Freedia, Richie Shazam, Alexis Sablone และ Munachi Osegbu
สไตล์รองเท้าของแต่ละคอลเลกชันจะมีรายละเอียดดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น คู่สี Run Star Utility Sandal CX จะเป็นครั้งแรกที่ประดับด้วยธงของทรานส์เจนเดอร์ ขณะที่ Chuck 70 จะใช้ส่วนบนสี Platinum และตกแต่งด้วยเครื่องประดับคล้ายบังเหียน ของประดับสไตล์ตะวันตก ป้ายที่ส้นกับอาร์ม Chuck แบบปริซึม และพื้นรองเท้าชั้นนอกสี Neon Rainbow ทั้งหมดมีให้เห็นทั่วทั้งคอลเลกชันรองเท้านี้
Chuck Taylor All Star มีทั้งสไตล์หุ้มข้อสูง ไม่หุ้มข้อ และพื้นสูง ซึ่งสามารถเลือกได้ผ่านบริการ Converse By You โดยยังสามารถปรับแต่งลวดลายเพิ่มเติมได้ทั้งเชือกรองเท้า ธง ดาว หัวใจ ไฟ เส้นขอบ และอาร์มลิ้นรองเท้า
คอลเลกชัน Counverse Pround to Be และบริการ Converse By You เปิดวางจำหน่ายและให้บริการแล้วบน Converse.com