ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของเรา
เรื่องที่ควรรู้
เรามีเป้าหมายที่จะลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 63% ภายในปี 2030 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนี้ เราจึงทบทวนทุกแง่มุมของ Nike
กระบวนการสร้างสรรค์ของ Nike Forward ใช้ขั้นตอนน้อยกว่าการถักหรือทอแบบดั้งเดิมของ Nike ซึ่งทำให้ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของวัสดุลงถึง 75% เมื่อเทียบกับผ้าฟลีซถักแบบดั้งเดิมของ Nike
เพื่อช่วยปกป้องอนาคตของนักกีฬา* ทุกหนแห่ง ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อช่วยจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ต่ำกว่าอุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียส นั่นหมายความรวมๆ ถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกลงครึ่งหนึ่งในช่วงทศวรรษนี้ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ตามสเกลของ NIKE เป้าหมายเหล่านี้ถือเป็นความท้าทาย เราจึงต้องพิชิตเป้าหมายทั่วทั้งธุรกิจของเรา ตั้งแต่สิ่งที่เราสร้างขึ้นและวิธีการผลิต ไปจนถึงวิธีการปฏิบัติงานของเรา เราได้ตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ (Science-Based Targets) ที่อาจหาญและทะเยอทะยานในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงภายในปี 2030 โดยลดปริมาณการปล่อยทั้งหมดของ Scope 1 และ 2 ถึง 65% และ Scope 3 ถึง 30%
การสร้างและเพิ่มการใช้วัสดุคาร์บอนต่ำในสินค้า NIKE ถือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญ เนื่องจากวัสดุต่างๆ ที่ใช้มีสัดส่วนเป็นประมาณ 70% ของปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของ NIKE ในส่วนของรองเท้า เรามุ่งเน้นไปที่การสรรหาทางเลือกที่ดีกว่าและการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านตัวเลือกวัสดุรีไซเคิล ทั้งโพลีเอสเตอร์ ยาง และหนัง ในส่วนของเครื่องแต่งกาย เราให้น้ำหนักกับโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล และคอตตอนที่เราใช้ 100% เป็นคอตตอนออร์แกนิคที่ผ่านการรับรอง คอตตอนที่ผ่านการรีไซเคิล หรือ Better Cotton ที่ได้รับการจัดหาผ่าน Better Cotton Initiative
ห่วงโซ่คุณค่าที่ขยายออกไปของเรารวมไปถึงการสร้างวัสดุ การผลิตและการตกแต่ง และการผลิตสินค้าสำเร็จรูป โดยเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของเรา เราทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ด้านการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงงานของซัพพลายเออร์ผ่านความพยายามต่างๆ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกสถานที่ปฏิบัติงาน และการเลิกใช้ถ่านหินกับซัพพลายเออร์ระดับ 2 นอกจากนี้เรายังสนับสนุนซัพพลายเออร์ในการตั้งเป้าหมายด้านสภาพอากาศที่ทะเยอทะยานมากขึ้นผ่านโปรแกรม Supplier Climate Action Program (SCAP) ของเรา โดยการให้เครื่องมือประเมินและบรรเทาความเสี่ยงด้านสภาพอากาศและช่วยซัพพลายเออร์ระบุโอกาสทางกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนมาสู่ระบบการดำเนินการที่ปล่อยคาร์บอนน้อยลง
Nike ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งเพื่อเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก แม้ว่าตลาดเชื้อเพลิงทางเลือกจะยังคงจำกัดในภูมิภาคต่างๆ และการขนส่งทุกรูปแบบ แต่ก็เริ่มเติบโตขึ้นเนื่องด้วยการดำเนินการร่วมกันทำนองนี้ กลุ่มคนที่นำมาใช้กลุ่มแรกๆ และความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรากำลังเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในการขนส่งทางทะเล เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของเราเดินทางจากโรงงานไปยังประเทศปลายทางผ่านการขนส่งทางทะเล นอกจากนี้เรายังพยายามเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับการจัดส่งในขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะกับการจ่ายไฟฟ้า จนกว่าจะมีเชื้อเพลิงทางเลือกให้ใช้อย่างแพร่หลาย เราจะยังคงชดเชยผลกระทบด้านคาร์บอนจากการจัดส่งคำสั่งซื้ออีคอมเมิร์ซในสหรัฐอเมริกาและยุโรปทั้งหมด 100% อย่างต่อเนื่องผ่านการประสานงานด้านป่าไม้ในรูปแบบใหม่กับ Ecotrust Forest Management (EFM) ในสหรัฐอเมริกาและ WeForest ในยุโรป
Nike กำลังลดการใช้การขนส่งทางอากาศโดยการจัดตารางการผลิตให้สอดคล้องกับการขนส่งสินค้าขาออกทางทะเล และพิจารณาว่าจะใช้ศูนย์กระจายสินค้าย่อยแห่งใดเพื่อให้สินค้าอยู่ใกล้กับลูกค้ามากขึ้น นี่เป็นการดำเนินการที่สำคัญ เนื่องจากการขนส่งทางอากาศทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนมากกว่าการขนส่งทางทะเลถึง 42 เท่า ในปี 2021 Nike ได้เพิ่มการจัดส่งสินค้าแบบไม่เร่งด่วนเป็นตัวเลือกที่นักกีฬา* สามารถเลือกได้ที่ขั้นเช็คเอาท์แบบดิจิทัล
ตลอดพื้นที่ทำงานทั่วโลกของเรา เรากำลังเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนและทำให้พื้นที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา แหล่งพลังงานหมุนเวียนให้พลังงานทั้งหมดในโรงงานที่ NIKE เป็นเจ้าของและดำเนินการ ตั้งแต่สำนักงานใหญ่และศูนย์กระจายสินค้าของ Nike ไปจนถึงโรงงาน Air MI ของเรา เรากำลังสร้างและใช้พื้นที่ปฏิบัติงานที่ใช้ประโยชน์จากหลักการออกแบบอาคารที่ยั่งยืนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเพิ่มการใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ติดตั้งของอาคารที่มีอยู่ ที่ผ่านการรีไซเคิล และที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เราเชื่อว่าสามารถเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ผ่านการดำเนินการร่วมกัน เราร่วมมือกันภายในอุตสาหกรรมของเรา ระหว่างภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งกับรัฐบาลและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อสร้างโครงการริเริ่มและสนับสนุนนโยบายที่ช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ตัวอย่างงานที่เราทำ ได้แก่ การช่วยก่อตั้ง Transform to Net Zero ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มข้ามภาคธุรกิจเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลก การเข้าร่วมกับบริษัท 330 แห่งในปี 2020 เพื่อเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐรวมโซลูชันด้านสภาพอากาศระยะยาวไว้ในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในอนาคต การสนับสนุน Fashion Industry Charter for Climate Action และความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของเรากับ USAID Vietnam Low Emission Energy Program (V-LEEP) เพื่อช่วยเหลือในการผลักดันนโยบายที่สนับสนุนการนำร่องความตกลงซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: DPPA) ของรัฐบาลเวียดนาม